ไทยรัฐออนไลน์

  • HUG แบรนด์ที่เริ่มต้นจากความรักในครอบครัว พร้อมส่งมอบความรักให้คนรอบข้าง รวมถึงสิ่งแวดล้อม
  • “โมเดลรีฟิล” ความท้าทายใหม่ในตลาดบิวตี้ ดึงดูดผู้ที่ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม
  • ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ติดเบรกให้ธุรกิจ

หากจะพูดถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และบำรุงผิว ไม่ว่าจะเป็นโลชั่น สบู่เหลว แชมพู ในท้องตลาดบ้านเรา ก็มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ หลายช่วงราคา ซึ่งแต่ละแบรนด์ ก็จะนำเสนอจุดเด่นของตัวเองในแบบต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเนื้อสัมผัส ส่วนผสม กลิ่น หรือแม้กระทั่งจุดขายในเรื่องของการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

hug press02 Hug Organic ฮัก ออร์แกนิค

“เจ๊ดา” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น้ำผึ้ง ภมรรัตน์ พรรณรัตนพงศ์ นักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ “Hug” แบรนด์ที่นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้กับธุรกิจ โดยคำว่า Hug หรือ ฮัก แปลความหมายเป็นได้ทั้งความรัก ที่ตั้งใจอยากส่งมอบสุขภาพที่ดีให้กับคนในครอบครัว คนรอบข้าง รวมถึงสิ่งแวดล้อม และหมายถึงการกอดซึ่งเป็นการแสดงความรักที่เราได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน เปรียบเสมือนถ้าเราช่วยกันดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติก็จะดูแลเรา

hug press02 00002 Hug Organic ฮัก ออร์แกนิค

น้ำผึ้ง ภมรรัตน์ เล่าให้เราฟังว่า ก่อนหน้านี้ ตนมีหน้าที่พา อากง ไปพบแพทย์เป็นประจำ โดยเฉพาะ โรคผิวหนัง จนเกิดคำถามกับตัวเองว่า ทำไมพออายุเยอะขึ้น เราต้องไปหาหมอ ซึ่งต้องเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายจำนวนมาก จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถป้องกัน ดูแลสุขภาพตั้งแต่ตอนที่เรายังแข็งแรงอยู่

ซึ่งจากการที่เรียนวิทยาศาสตร์มา ก็ค้นพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อปัญหาผิวของเราในอนาคต ก็มาจากสิ่งที่เราใช้ในทุกๆ วัน ซึ่งมีสารเคมี เป็นส่วนประกอบ ทำให้ตัดสินใจที่จะสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ในชีวิตประจำวันสูตรอ่อนโยน ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติใกล้เคียง 100% มากที่สุด หลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวเช่น SLS, Paraben และ Silicone

“ความตั้งใจของแบรนด์ HUG คือการพัฒนาสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่ดีต่อสุขภาพผิวให้กับลูกค้าซึ่งเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเรา และเราพยายามสนับสนุนวัตถุดิบออร์แกนิกของประเทศไทยซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ของเรา โดยใช้บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บ้านหลังใหญที่สุด ซึ่งก็คือโลกของเรา ให้น้อยที่สุด” น้ำผึ้ง ภมรรัตน์ พรรณรัตนพงศ์ เจ้าของแบรนด์ “Hug”

hug press02 00001 Hug Organic ฮัก ออร์แกนิค

ยกระดับ ข้าวไทย สู่ตลาดโลก

ในการพัฒนาสินค้าสำหรับ HUG จะเน้นเลือกวัตถุดิบธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพผิวและสามารถแก้ปัญหาผิวได้จริง ที่เราเลือก “ข้าวไทยออร์แกนิก” เพราะข้าวเป็นสิ่งที่ผูกพันกับคนไทยมานาน โดยเฉพาะ “ข้าวหอมมะลิสุรินทร์” ข้าวหอมมะลิเกรดที่ดีที่สุดของไทยที่ได้มาตรฐาน GI และ “ข้าวหอมนิล” ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ประหนึ่งเป็นการป้อนอาหารให้ผิวเหมือนกับที่เรารับประทานข้าวในทุกๆ วัน โดยเรารับซื้อ “ข้าว” จากเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์โดยตรง

อีกทั้ง เราต้องการยกระดับวัตถุดิบออร์แกนิกของไทย จึงร่วมมือกับนักวิจัย และภาครัฐ พัฒนาวัตถุดิบเหล่านี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานไปสู่ตลาดโลกด้วย

เราอาจจะยังไม่ใช่สินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบออร์แกนิก 100% ถ้าให้คำจำกัดความ “HUG” คือ “Clean Beauty” มากกว่า โดยเราพยายามทำให้ผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนต่อผู้ใช้มากที่สุด เช่น สบู่เหลว ที่ทำมาจากส่วนผสมธรรมชาติ 95% ส่วนอีก 5% ที่เหลือ แม้จะยังคงต้องมีส่วนผสมที่เป็นสารเคมีเป็นส่วนประกอบ แต่เราก็พยายามเลือกใช้ส่วนผสมที่มีความอ่อนโยนมากที่สุด และใส่ในสัดส่วนน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ใส่เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือช่วยปรับสมดุลให้เป็นมิตรต่อผิว ทั้งหมดนี้คือ เราต้องหาจุดสมดุลว่าทำอย่างไรให้สินค้ามีคุณภาพดีที่สุดอย่างสมเหตุสมผล

hug press sentangsetthee 00004 Hug Organic ฮัก ออร์แกนิค

“โมเดลรีฟิล” ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นอกจาก “HUG” จะให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพสินค้าต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว ในฐานะผู้ผลิตยังมีความตั้งใจในเรื่องการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีแนวคิดในการลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

สิ่งที่ทำได้ในตอนแรกคือ เริ่มจากทำบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ 1 ลิตร เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องบรรจุภัณฑ์ให้ลูกค้า และช่วยลดขยะให้สิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์การใช้ในครอบครัวใหญ่

จากนั้นก็มีการปรับขนาดของผลิตภัณฑ์ ให้ตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่มมากขึ้น พร้อมกับนำไอเดีย “รีฟิล” (Refill) หรือการที่ลูกค้าสามารถนำขวดบรรจุภัณฑ์เก่าที่มีอยู่แล้วมาเติมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของร้านได้ ซึ่งในต่างประเทศมีมานานแล้ว

ช่วงแรกๆ น้ำผึ้ง ภมรรัตน์ ยอมรับว่า คอนเซปต์รีฟิล อาจจะยังใหม่สำหรับคนไทย ต่างจากชาวต่างชาติ ดังนั้น พนักงานต้องสื่อสารกับลูกค้า รวมถึงการทำป้ายอธิบายคอนเซปต์รีฟิล ว่าเราทำขึ้นมาเพื่ออะไร หลักๆ คือ ช่วยลดขยะที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งลูกค้าสามารถนำขวด หรือบรรจุภัณฑ์ มาเติมผลิตภัณฑ์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นขวดของแบรนด์ก็ได้ ซื้อได้ตั้งแต่ปริมาณ 1 กรัมขึ้นไป พร้อมกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ว่า คอนเซปต์รีฟิล มีข้อดีอย่างไร เช่น สามารถซื้อในปริมาณน้อยๆ เพื่อไปทดลองใช้ก่อนได้ หรือมีการคิดราคาลดพิเศษ เนื่องจากไม่มีการคิดค่าแพ็กเกจ เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า 2 ปีที่ผ่านมา

ยึดหลัก “พอเพียง” บริหาร “ความโลภ” ในโลกธุรกิจ


ก่อนหน้านี้ ตนมีความเข้าใจผิดเหมือนกับหลายๆ คน ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ต้องทำอาชีพเกษตรและรวยไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับการทำธุรกิจที่เรายังต้องการกำไรอยู่ แต่พอได้ศึกษาหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ทำให้เราเข้าใจเป้าหมายชีวิตและธุรกิจของเราว่าเราจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่าความหมายอย่างไร ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการทำธุรกิจเพื่อสังคม

คำว่า “พอ” ไม่ใช่การ “หยุด” แต่เป็นความมั่นคงในจุดยืนของแบรนด์ โดยสิ่งที่ Hug ตั้งใจทำคือเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเราให้ความสำคัญกับผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำธุรกิจตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบที่เราใช้ไปจนถึงปลายทางที่ได้รับผลกระทบซึ่งก็คือสิ่งแวดล้อม

คำว่า “พอ” จึงเหมือน ภูมิคุ้มกัน ที่ช่วยบริหารความโลภในการทำธุรกิจ ซึ่งถ้าเราทำธุรกิจด้วยความโลภ มีแต่ความอยากขาย อยากได้กำไร ถ้าไม่มีอะไรมาเบรก วันหนึ่งเราก็อาจจะพลาดได้ ดังนั้น การวางแผน บริหารความเสี่ยง และรู้จักยืดหยุ่น พร้อมรับมือ ปรับตัวตามสถานการณ์ จึงทำให้เรายังสามารถดำเนินธุรกิจต่อได้


ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟฟิก : Theerapong Chaiyatep
Link : https://www.thairath.co.th/business/economics/2034631