The Cloud
“เวลาเรากอดกัน เราไม่รู้หรอกว่าใครกอดใคร แต่เรารู้ว่าเราได้ส่งมอบพลังให้แก่กันและกัน”
เป็นนิยามคำว่ากอดที่ น้ำผึ้ง-ภมรรัตน์ พรรณรัตนพงศ์ สาวนักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ ‘Hug’ ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเป็นกันเองมอบให้เราอย่างอบอุ่นในวันที่พบกัน
Hug เป็นธุรกิจหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จำพวกสบู่เหลว โลชั่น แชมพู ครีมนวดผม แม้จะมีผู้คนมากมายทำผลิตภัณฑ์คล้ายคลึงกันในท้องตลาด แต่ด้วยจุดเด่นพิเศษไม่เหมือนใครของ Hug ทำให้เราสนใจและนัดพบน้ำผึ้งเพื่อสนทนาในวันนี้
หนึ่งคือ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของ Hug ทำมาจากสารสกัดธรรมชาติใกล้เคียง 100% มากที่สุด อ่อนโยนต่อผิวประหนึ่งได้รับการโอบกอดด้วยความรัก และไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สองคือ ธุรกิจนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจโครงการ ‘พอแล้วดี The Creator’ ที่โอบรับนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาปรับใช้กับธุรกิจ ทำให้น้ำผึ้งบริหารงานด้วยความคำนึงถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเสมอ ตั้งแต่ต้นทางอย่างเกษตรกร จนถึงปลายทางหลังการใช้งานของผู้บริโภค น้ำผึ้งก็ยังพิจารณาเสมอว่าโลกได้รับผลกระทบอะไรบ้างหรือไม่ เพื่อหาจุดที่สมดุลและลงตัวกับทุกฝ่าย
ด้วยความตั้งใจที่ว่าจะไม่มีใครถูกทำร้ายระหว่างทาง เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
ในโลกธุรกิจที่ผู้คนต่างอยากเติบโต ไขว่คว้าอย่างทะเยอทะยาน น้ำผึ้งและ Hug ค้นหาสภาวะที่พอดีนี้ให้ตัวเองและทุกฝ่ายได้อย่างไร
ไม่ต้องรีบร้อน ปล่อยให้ธรรมชาติและเรื่องราวต่อไปนี้คลายความสงสัยและส่งมอบพลังด้วยการโอบกอดคุณ
01
ฮักในสิ่งที่มี แล้วพัฒนาเป็นสิ่งที่ดี
“มันน่าจะดีกว่าถ้าคนเราดูแลสุขภาพได้ตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่เจ็บป่วยอะไร” น้ำผึ้งเล่าให้เราฟังถึงความตั้งใจเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนที่เธอเป็นผู้พาอากง ไปพบแพทย์เพื่อรักษาโรคผิวหนังเป็นประจำ
แม้เธอไม่ได้เป็นแพทย์ผู้รักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ เหมือนที่วาดฝันไว้ในวัยเด็ก แต่น้ำผึ้งค้นพบว่าความสามารถที่เธอมีอยู่ในตัวแล้วนั้นแก้ปัญหานี้ได้ดีไม่แพ้กัน
วิชาความรู้ในสายวิทยาศาสตร์การอาหารที่ร่ำเรียนมา ผนวกกับความใส่ใจในความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน จากการเป็นพี่คนโตที่ต้องดูแลผู้อื่นเสมอ ทำให้เธอตัดสินใจสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของตัวเอง
“Hug เกิดจากความเชื่อที่ว่าถ้าเราดูแลตัวเองให้แข็งแรงได้ดี เราจะมอบความรักและดูแลผู้อื่นต่อๆ ไปได้” ความเชื่อเบื้องหลัง Hug นี้เป็นสาเหตุให้ทุกผลิตภัณฑ์ล้วนอ่อนโยนต่อสุขภาพผิว แทบไร้สารเคมี
นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังตระหนักว่าประเทศไทยมีวัตถุดิบคุณภาพดีมากมายที่ถูกละเลย ขาดการพัฒนา เพราะขาดคนที่เข้าใจและใช้เทคโนโลยีการผลิตได้เชี่ยวชาญ
เมื่อไร้คนทำ เธอจึงริเริ่มพัฒนาด้วยตนเอง จากสิ่งที่เธอมีความรู้ความเข้าใจดีอยู่แล้ว นั่นคือข้าว
“ตอนเรียนเราสนใจเรื่องข้าวมาก ข้าวมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ที่เราอาจมองข้าม ไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เช่น โปรตีนรำข้าว ที่ได้หลังจากผ่านกระบวนการสกัดน้ำมันรำข้าว นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้เราใช้วัตถุดิบข้าวหอมนิลจากข้าวเพลงรัก และตอนนี้เราพยายามร่วมมือกับนักวิจัยและภาครัฐ พัฒนาให้วัตถุดิบที่ดีเหล่านี้ของไทยมีความสำคัญ ยกระดับมาตรฐานไปสู่ตลาดโลกได้” น้ำผึ้งอธิบาย
แม้ต้องใช้เวลาและเงินทุนในการพัฒนาไม่น้อย แต่เธอคิดว่าการพัฒนาจากส่ิงที่มีเป็นสิ่งที่ดี เป็นหนึ่งในหน้าที่ของผู้ผลิตและประชากรของประเทศ
“หนึ่งคือ ต้องรู้ว่าเราชอบหรือถนัดอะไร สองคือ รู้ว่าเรามีหน้าที่อะไร เมื่อเรารู้ 2 ข้อนี้ชัดเราจะรู้เองว่าต้องทำอะไร และจะไปดูแลคนอื่นต่อได้ดี”
เมื่อรู้จักว่าตัวเองเป็นใครและทำอะไรได้ การพัฒนาจะเกิดขึ้น เมื่อนั้นเราจะกลายเป็นผู้ที่สร้างคุณค่าให้แก่ผู้อื่นไปโดยไม่รู้ตัว
02
ฮักแท้ต้องมีเหตุผล
“เรามองว่ายังไม่มีสินค้าไหนที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่แบบเรา เมื่อก่อนตลาดนี้อาจจะยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบและการตลาด” ย้อนไปเมื่อวันที่เริ่มทำธุรกิจและศึกษาตลาด น้ำผึ้งชี้ให้เราเห็นว่าขณะนั้นมีกลุ่มที่อยากดูแลสุขภาพของตัวเอง เพียงแต่ยังไม่มีสินค้ามารองรับความต้องการของพวกเขาได้อย่างเหมาะสมและถูกใจ
เมื่อสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวเองนั้นยังไม่มี คงไม่มีวิธีการใดเหมาะสมไปกว่าการสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง
ผลิตภัณฑ์ของ Hug จึงผ่านการออกแบบให้ดูมีชีวิตชีวา น่ารักเป็นกันเอง ลบภาพเดิมๆ ของสินค้าเพื่อสุขภาพที่ดูแก่หรือน่าเบื่อทิ้งไป กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ใส่ใจสุขภาพผิวทุกวัย
ประกอบกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของน้ำผึ้ง เธอคำนึงถึงผลกระทบของบรรจุภัณฑ์หลังถูกใช้งาน Hug จึงมีแนวคิดทำบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นภาระทางขยะให้กับโลก แต่ด้วยเวลาวิจัยเรื่องความปลอดภัยที่ยาวนาน น้ำผึ้งจึงหาหนทางแก้ไขปัญหาอย่างง่ายๆ แต่ได้ผล
“การวิจัยให้สำเร็จอาจจะใหญ่เกินตัวในตอนนี้ สิ่งที่เราทำได้คือทำบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อลดค่าใช้จ่ายลูกค้า ไม่ต้องแวะเวียนมาซื้อหรือทิ้งบ่อยๆ แถมลดขยะได้อีกด้วย” น้ำผึ้งหยิบขวดขนาดยักษ์ให้เราดู บางทีปัญหายากๆ อาจมีวิธีแก้ง่ายๆ ที่เหมาะสมตามกำลังที่เหมาะสม
“แนวคิดนี้คือเรื่องเหตุและผลของเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลาย เราคิดว่าคนที่เป็นเกษตรกรเขาได้ประโยชน์อะไรจากธุรกิจของเราไหม เขามีชีวิตที่ดีขึ้นหรือเปล่า ลูกค้ามีความสุขเวลาใช้ผลิตภัณฑ์ของเราไหม แล้วบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ไปที่ไหนต่อหลังใช้งาน แล้วเราทำในสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ให้พอดีกับทุกฝ่าย แล้วค่อยๆ พัฒนาไปให้ดีขึ้น” น้ำผึ้งยืนยันความตั้งใจของเธอผ่านสิ่งที่เธอทำ
03
ฮักในความรู้ เพื่อตัวเองและผู้อื่น
เป็นธรรมดาของชีวิต เมื่อได้อย่างก็เสียอย่าง การเป็นสินค้าสูตรอ่อนโยน คุณภาพดี ส่งตรงจากธรรมชาติ มีข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้น้ำผึ้งต้องคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
“หลายคนอาจคาดหวังว่าเราจะเป็นสินค้าจากธรรมชาติ ออร์แกนิก 100% ซึ่งตอนนี้บางตัวยังไม่ใช่ เพราะเรายังไม่พร้อมในเรื่องของเงินทุน” น้ำผึ้งอธิบายให้เห็นถึงความเป็นจริง
การเป็นสินค้าธรรมชาติ ออร์แกนิก 100% มีต้นทุนสูงด้วยกระบวนการผลิต ส่งผลให้ราคาขายต้องแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เราต้องหาจุดสมดุลให้ลูกค้า ทำอย่างไรมันจะเป็นสินค้าที่ดีแล้วยังอยู่ในราคาที่สมเหตุสมผล นี่เป็นสิ่งที่เราคิดมาโดยตลอด” น้ำผึ้งยืนยัน
ของดี แต่คนซื้อไม่ไหว อาจไม่มีประโยชน์อะไร
“อีกอย่าง การเป็นธรรมชาติ ออร์แกนิก 100% อาจไม่ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มสนใจใช้สินค้าเพื่อสุขภาพ เขาคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์เคมีที่มีฟอง ถ้าไม่มีจะรู้สึกใช้ยาก ของเราเลยทำเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ เพียงแต่ฟองที่เกิดจะเป็นฟองที่อ่อนโยนต่อผิวที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”
นี่เป็นสิ่งที่น้ำผึ้งบอกว่าได้เรียนรู้จากโครงการ ‘พอแล้วดี The Creator’ ที่สอนให้คนค้นหาความรู้ เข้าใจผู้บริโภคและสภาพแวดล้อม แล้วปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
“ก่อนหน้านี้เรากลัวว่าคนทำสินค้าแบบนี้เยอะขึ้น จะอยู่รอดได้ไหม พอเข้ามาในพอแล้วดีทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เพราะเห็นตัวเองชัด รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เข้าใจและรู้จักลูกค้า ตลาด โลก เหมือนเราไม่ได้นึกถึงแค่ตัวเองแล้ว”
04
ฮักษาตัวเองให้มีภูมิคุ้มกัน
“ปัญหาที่ทำให้เครียดมีเยอะ กดดันมาก แล้วก็กระทบคนอื่น เลยกลับมาถามตัวเองว่าที่เราเหนื่อย เราทำอะไรเกินตัวหรือฝืนธรรมชาติไปหรือเปล่า” น้ำผึ้งเอ่ยขึ้นมา แน่นอนว่าไม่มีธุรกิจใดที่สามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น
ที่ผ่านมา มีช่วงเวลาที่น้ำผึ้งพยายามทำ Hug ให้เป็นทุกอย่างสำหรับลูกค้า ออกผลิตภัณฑ์หลากหลายขนาดและกลิ่น ตระเวนออกขายสินค้าตามงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างไม่หยุดหย่อน ติดต่อกับหน่วยงานและร้านค้ามากมาย ด้วยความไม่มั่นใจว่าจะอยู่รอดในตลาดสุขภาพที่การแข่งขันกำลังสูงขึ้นทุกวันได้หรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด
แต่มันเหนื่อยเหลือเกิน จนน้ำผึ้งสงสัยว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ที่ใด และทั้งหมดนี้เธอทำไปเพื่ออะไร
“เราอยากทำนู่นนี่ไปหมดเลย อยากทำให้ได้ แต่เรากลับมาวิเคราะห์และถามตัวเองว่าบางอย่างต้องทำจริงๆ หรือเปล่า” น้ำผึ้งเชื่อว่าคนเราต้องกล้าหาญเพียงพอที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา
เมื่อเร่งรีบจนเกินไป อาจถึงเวลาที่เราควรทบทวนตัวเอง และติดเบรกให้กับความไวนี้แล้ว
“ความพอเพียงคือการบริหารความโลภของตัวเอง มันดีมากเลยที่เราได้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในธุรกิจ เพราะความจริงแล้วธุรกิจเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่หลักนี้มันมาติดเบรกให้เรา ให้เราวางแผน รับมือกับความเสี่ยง ไม่เดินทางไปมั่วๆ เหมือนขับรถ ถ้าคุณอยากไปให้ไว แต่ไม่รู้จักติดเบรก ไม่รู้จักพอ วันหนึ่งก็ชน ติดเบรกนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราหยุดนะ คือทำเต็มที่อย่างกระตือรือร้น แค่ไปด้วยความเร็วที่พอดีและมั่นคงกับตัวเรา ปัญหาต่างๆ ก็แก้ไขได้”
05
ฮักเพราะเราเป็นธรรมชาติของกันและกัน
“เราทำสินค้าจากธรรมชาติ เราจึงต้องการดูแลธรรมชาติกลับไปเหมือนกัน” น้ำผึ้งย้ำถึงสิ่งสำคัญที่ไม่ใช่ผู้คน แต่คงจะหลงลืมไปไม่ได้เลย
ปัจจุบัน น้ำผึ้งกับโทนจาก CreativeTone อีกหนึ่งในธุรกิจโครงการ ‘พอแล้วดี The Creator’ ที่เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องการออกแบบและการสื่อสารให้ตรงกับจุดยืนของแบรนด์ กำลังพยายามหาทางทำแพ็กเกจจิ้งจากพลาสติกรีไซเคิล 100% เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองว่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่หากนำมาใช้งานจริง เช่นการมีสารตกค้างในพลาสติกรีไซเคิลเหล่านี้
“มันเป็นสิ่งที่น้ำผึ้งเป็นห่วงในฐานะผู้ผลิต เราเชื่อว่าผู้ผลิตจะต้องมีหัวใจในการส่งมอบคุณค่าที่ดีไปสู่ผู้บริโภค บางทีคนอาจทำตามเทรนด์กันอย่างเดียว แต่สุดท้ายคุณไม่ทดลอง ไม่แยกแยะให้ออกว่ามันอาจจะมีผลเสียอะไรบางอย่างตามมา มันอาจจะเป็นดาบสองคมก็ได้” โทนขยับเข้ามาช่วยเสริม
นอกจากจะมีคุณธรรมในฐานะผู้ผลิตแล้ว โทนเชื่อว่าสิ่งที่น้ำผึ้งทำ จะจุดประกายให้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
“บางทีบริษัทใหญ่ๆ อาจนึกถึงแต่การค้าขาย ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก แต่เราเริ่มต้นจากความคิดนี้ สักวันอาจสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างจนแบรนด์ใหญ่ๆ หันมาสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อันนั้นจะถือว่าเป็นความสำเร็จของเรา”
เป็นความสำเร็จที่ไม่ได้ยกให้ตัวเองเป็นใหญ่ แต่ให้ความเคารพกับธรรมชาติรอบตัวที่ยิ่งใหญ่
อาจกล่าวได้ว่า Hug เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ดำเนินไปด้วยความใส่ใจผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม ให้คุณค่าพวกเขาเหล่านั้นอย่างไม่ละเลยและพอดีกับทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดกระทบต่อใคร ด้วยความเชื่อหนักแน่นที่มี
ความเชื่อที่ว่า เราทุกคนต่างเป็นธรรมชาติของกันและกัน
06
ฮักอย่างพอดี
แม้หลายเรื่องที่น้ำผึ้งกล่าวอาจเป็นเรื่องอุดมการณ์ในสายตาใครหลายคน แต่เธอเชื่อว่าหากเรามีแนวคิดที่แข็งแรง เราจะผ่านพ้นทุกปัญหาไปได้ โดยไม่เหนื่อยหรือผ่อนจนเกินไป
“เราศรัทธาในหลักเศรษฐกิจพอเพียงนะ หลายๆ คนอาจคิดว่าเรายังไม่พร้อมที่จะพอเพียง เพราะยังต้องหารายได้มาจุนเจือหรือดำเนินชีวิต หรือคิดว่า พอเพียง แปลว่า ทำอย่างชิลล์ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย แต่คือการทำธุรกิจให้มั่นคงและยั่งยืน ทำให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมในธุรกิจเราเติบโตไปด้วยกันได้ นี่แหละหัวใจสำคัญของความพอเพียง สำคัญที่สุด หลักคิดนี้ไม่ได้เป็นสูตรตายตัว แต่ละคนนำไปปรับใช้ได้ตามสถานการณ์และการตัดสินใจของแต่ละคนได้” น้ำผึ้งเน้นให้ชัด หลักการที่ดีนั้นต้องอาศัยการโอบรับไปประยุกต์ใช้ในแบบของแต่ละคนด้วย
เหมือนที่น้ำผึ้งโอบกอดรับเข้ามาปรับใช้กับธุรกิจของตน ทั้งหมดนี้คือ การรู้จักพอ และรู้จักรัก จนกลายเป็น ฮักที่รู้จักพอแล้วดี
ขอบคุณเนื้อหา : THE CLOUD
Link : https://readthecloud.co/porlaewdee-hug-organic/